(ภาพ cover : เพชรกาญจนาภิเษก Golden Jubilee Diamond เป็นเพชรเจียระไนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก)
ต้านการล่าอาณานิคม ด้วยพระมหาวิเชียรมณี เพชรยอดพระมหาพิชัยมงกุฎ
เมื่อวานนี้นับเป็นข่าวดีของคนไทยทั้งปวงที่ได้รับทราบโดยทั่วกันแล้วว่า เร็ววันนี้เราคนไทยจะมีพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ ทรงเป็นหลักชัยและแรงบัลดาลใจในดำเนินชีวิตของเราทั้งผอง
ในวันนี้ป้าอยากจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ “พระมหาวิเชียรมณี” หนึ่งในเพชรสำคัญของคนไทย ที่ประดับยอดพระมหาพิชัยมงกุฎนั้นเอง แน่นอนว่าทุกคนต้องรู้จักพระมหาพิชัยมงกุฎ เพราะพระมหาพิชัยมงกุฎคือสัญลักษณ์ของความเป็นพระมหากษัตริย์ไทย รวมถึงถูกนำมาใช้เป็นตราประจำหน่วยงานราชการหลายแห่งที่เกี่ยวพันกับกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเช่น สถาบันการศึกษา เป็นต้น
ก่อนอื่นป้าต้องขอเล่าย้อนไปนิดนึงว่า พระมหาพิชัยมงกุฎ คือ 1 ใน 5 เบญจราชกกุธภัณฑ์ของพระมหากษัตริย์ไทย พูดตามภาษาอย่างง่ายว่า เป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ไทยนั้นเอง ซึ่งประกอบไปด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ วาลวิชนี พระแส้และพระจามรี พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร และฉลองพระบาท นั้นเองค่ะ จะว่าไปเบญจราชกกุธภัณฑ์นั้นได้ปรากฎให้เห็นได้อย่างชัดเจนในสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่สิ่งเหล่านั้นคงสูญหายไปเมื่อถึงคราวล่มสลายของกรุงศรีอยุธยานั้นเองค่ะ
เบญจราชกกุธภัณฑ์ จึงเป็นเครื่องประกอบพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ หลายคนอาจสงสัยว่าพระราชพิธีที่เรียกว่า “บรมราชาภิเษก” คืออะไร พระราชพิธีนี้ คือการรับสมมติขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินเพื่อเป็นพระเกียรติยศ ในพิธีจะมีการถวายเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์เช่นเดียวกับ กษัตริย์ชาวยุโรปนั้นแหละค่ะ ที่จะมีการสวมมงกุฎ แต่ของไทยหัวใจสำคัญของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอยู่ที่การถวายน้ำอภิเษก หลังการถวายน้ำอภิเษกแล้วจึงถวายของซึ่งสิ่งของเหล่านี้นับเป็นของสำคัญสำหรับบ้านเมืองมาโดยตลอด
(ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ พระมหากษัตริยาธิราชเจ้ารัชกาลที่ 9 แห่งพระมหาจักรีบรมราชวงศ์เสด็จขึ้นประทับแล้วทรงรับน้ำอภิเษกจากผู้แทนพสกนิกรทั้งแผ่นดิน)
(พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงรับบรมราชาภิเษกตามธรรมเนียมอันมีมาแต่โบราณ ทรงพระมหาพิชัยมงกุฎ)
(ราชกกุธภัณฑ์แห่งอังกฤษ)
ทีนี้เรามาพูดถึง “พระมหาวิเชียรมณี” บนยอดพระมหาพิชัยมงกุฎกันค่ะ พระมหาพิชัยมงกุฎสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ นั้นเองค่ะ สำหรับเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทำด้วยทองคำลงยา แต่ละชั้นประดับด้วยดอกไม้เพชร เดิมยอดพระมหาพิชัยมงกุฎเป็นยอดแหลม ตอนนั้นไม่ได้มีเพชรพระมหาวิเชียรมณีอยู่บนยอดเลยค่ะ จนมาถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เสริมแต่งพระมหาพิชัยมงกุฎให้งดงามและทรงคุณค่ายิ่งขึ้นนั้นเอง ในสมัยนั้นเป็นยุคล่าอาณานิคม ทางฝั่งประเทศอังกฤษได้เพชรโคอินัวร์ (Koh I Noor) น้ำหนัก 109 กะรัต จากอินเดีย มาประดับพระมหามงกุฎของจักรวรรดิอังกฤษนั้นเอง เมื่อพระองค์ทรงทราบข่าวนี้ ทรงรับสั่งให้ออกไปหาซื้อเพชรที่อินเดีย จนไปพบเพชรเนื้อดีที่เมืองกัลกัตตา น้ำหนัก40กะรัต จึงให้ทรงนำมาประดับพระมหาพิชัยมงกุฎ พระราชทานชื่อว่า “พระมหาวิเชียรมณี” นอกจากนั้นยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ท่านเซอร์จอห์น เบาว์ริ่ง (สนธิสัญญาเบาว์ริ่งไง จำกันได้ไหมค่ะ) เข้าเฝ้าฯชมเพชรดังกล่าว เพื่อเป็นการประกาศพระเกียรติยศให้ทางฝั่งอังกฤษทราบว่าทางสยามก็เป็นอารยะ
![]()
ภาพขยาย “พระมหาวิเชียรมณี” บนยอดพระมหาพิชัยมงกุฎ
นอกจากนี้ทางสยามยังมีเพชรสำคัญนอกเหนือจากเพชรพระมหาวิเชียรมณีนั้นคือ “พระธรรมรงค์รัตนวราวุธ” (แหวน) ที่ประดับเพชรน้ำหนัก 60 กะรัต (มีขนาดใหญ่กว่าพระมหาวิเชียรมณี) และพระธำมรงค์วิเชียรจินดา น้ำหนัก 30 กะรัต เมื่อเทียบกับเพชรที่ประดับยอดพระมหาเจดีย์ชเวดากองที่พม่านั้น พระธรรมรงค์รัตนวราวุธมีขนากเล็กกว่าเพชรยอดเจดีย์ชเวดากองที่มีน้ำหนัก 76 กะรัต
(ซ้าย – พระธำมรงค์วิเชียรจินดา และ ขวา – พระธำมรงค์รัตนวราวุธ)
(เพชรยอดเจดีย์ชเวดากอง)
ถือเป็นอีกหนึ่งการดำเนินกุศโลบายและวิเทโศบายของพระองค์ ให้สยามรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นจากตะวันตก เพราะการแสดงออกถึงการเป็นประเทศที่เจริญแล้วถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในยุคนั้น เนื่องจากฝรั่งมักจะใช้เหตุผลว่า เราเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน การเข้ายึดครองก็เพื่อทำให้เราหลุดพ้นนั้นเอง
พระมหาพิชัยมงกุฎมีน้ำหนักมากถึง 7.2 กิโลกรัม มีความหมายโดยนัยว่าเป็นของหนัก เป็นพระราชภาระของพระเจ้าอยู่หัว เพราะต้องทรงแบกรับเรื่องทุกข์โศกของประชาชน
“ทันทีที่ทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎแล้ว เท่ากับว่าพระองค์รับเอาพระราชภาระทั้งปวงของแผ่นดินไว้กับพระองค์แล้วนั้นเอง”
แสนแสบดอทคอม