สวัสดีค่ะลูก ๆ เดือนนี้ก็เดือน
“มิถุนา… ยนมหาศรีสวัสดิ์ ปฐมฤกษ์ของรัฐธรรมนูญของไทย” (ร้องเป็นเพลง)
ใครไม่เคยได้ยินก็ลองฟังกันดูนะคะ
แหม่ ๆ ใครร้องเพลงนี้ได้เนี้ยก็คงเกิดยุคเดียวกับพ่อแม่ป้านะคะ เป็นเพลงในยุคที่เรามีงานฉลองรัฐธรรมนูญในเดือนนี้กันเพื่อความสถิตย์สถาพรแห่งรัฐธรรมนูญไทยเลยทีเดียวเชียว ยังไม่พอนะคะ สมัยป้าเด็ก ๆ ก็ต้องไป “วนวังสราญรมย์” เดี๋ยว ๆ ไอ้การวนวังในสมัยป้าเนี้ยคือการไปดูเค้าประกวดนางสาวสยาม ซึ่งต่อมาก็คือนางสาวไทยนะคะ ไม่ใช่ที่ที่ไปซื้อผู้ชายขายบริการทีละ 500 แบบสมัยนี้ ฮ่วย!!!
วังสราญรมย์ในปัจจุบันกับในอดีตเนี้ยความหมายต่างกันนะคะ จะนับประสาอะไรกับความหมายของประชาธิปไตย
งานฉลองรัฐธรรมนูญสมัยนั้นเนี้ยใหญ่โตเลยนะคะ
นี่ก็เอารัฐธรรมนูญมาตั้งหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมกันเลยทีเดียว
สมัยก่อน ถ้าป้าไม่ใจเเตกหนีตามผัวที่ริมคลองเเสนเเสบ หึหึ ตำแหน่งนางสาวสยามนะเหรอ ไม่มีทางหลุดมือป้า
นั่นแหละค่ะ มันคือบรรยากาศเก่า ๆ แบบวันวานยังหวานอยู่ที่ป้าว่ามันคงจะไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว เพราะหลังปฏิวัติสยาม 2475 เป็นต้นมาสังคมไทยเราก็มีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ แต่ละช่วงแต่ละยุคเราก็มีค่านิยมที่ผันแปรไป
นี่สมัยก่อนถึงกับทำเหรียญออกมากันเลยนะคะ สมัยนี้อย่าหวังว่าจะเห็น อิอิ
อย่างตอนสมัยป้าเป็นเด็กน้อยหอยสังข์ คนไทยเราจะยึดมั่นถือมั่นในรัฐนิยมเชื่อผู้นำชาติพ้นภัยตามสำรับจอมพล ป. พิบูลสงคราม สมัยนั้นนี่ท่านเท่ระเบิด ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าท่านหรอกค่ะป้าบอกเลย และเราก็มาพีคกันอีกทีในยุคกึ่งพุทธกาล ปี 2500 เมื่อจอมพลผ้าขาวม้าแดง สฤษดิ์ ธนะรัชต์ แอ่นแอ๊นเข้ามายึดอำนาจจากนายตัวเอง ทำให้พวกนิยมขวาหรืออนุรักษ์นิยมเฟื่องฟูมานับเเต่บัดนั้น จะว่าไปพวกนิยมซ้ายเองก็ยังมีหัวเชื้อเหลืออยู่ให้พอแทรกตัวสลับขึ้นมาแบบวับ ๆ แวม ๆ เป็นยาดำได้อยู่บ้างนะคะ แต่ดูทรงแล้วประเทศเราน่าจะเทไปทางเครซี่นิยมขวากันซะมากกว่า มากแค่ไหนนะเหรอ ก็ป้าเห็นมันพีคหนักมากขนาดที่เราเคยมีอีเวนท์ “ขวาพิฆาตซ้าย” ในช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ล้อมปราบผู้ชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่ท่าพระจันทร์ อย่างบ้าระห่ำตายกันเป็นเบือ เรื่องนี้ถ้าอยากรู้ว่ามันจริงไหม ลองไปขอ อ.ปริญญา ดูภาพเก่า ๆ ในโมเมนต์นั้นของธรรมศาสตร์ได้ ซึ่งมันก็น่าแปลกใจตรงที่ในบ้านเรากลับไม่มีใครอยากพูดถึงความโหดร้ายของคนไทยด้วยกันในช่วงนั้น ???
กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน ตำรวจ และกลุ่มการเมืองอย่างนวพล กระทิงแดง บุกล้อมผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อันนี้ก็ใจเย็นจังเลยพ่อคู้ณณณณณณณณณณณ คาบบุหรี่แล้วยิงเฉยๆ
ใครอยากรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย ก็แว๊บไปดูงานแสงสีเสียง วันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ มธ. นะคะ งานนี้ อ.ปริญญา เป็นแม่กอง ป้าเคยไปรอรับหลานที่ มธ ท่าพระจันทร์ ก็ได้ความรู้เยอะเลยทีเดียว งานอวยก็อวย งานเหน็บก็เหน็บนะคะอาจารย์ขาาา
แหม!!! ทำมาเป็นเงียบเป็นเป่าสากกันไปหมด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้นะคะว่าคิดอะไรกันอยู่
ซึ่งหลังยุค 2519 เป็นต้นมา ก็เป็นพวกอนุรักษนิยมอ่ะค่ะที่กลับมาผงาดดุจนกฟินิกซ์อีกครั้ง และอยู่กันยาว ๆ ไป สร้างบ้านแปลงเมืองปลูกฝังค่านิยมแบบขว๊าขวาเรื่อยมาจนถึงยุคปัจจุบัน
สมัยก่อนนะคะ ถ้านึกถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องประชาธิปไตย คงไม่มีใครมองข้ามวันที่ 24 มิถุนา ไปได้หรอกค่ะ วันนี้นี่ยังไงล่ะคะที่เราเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตย
จะว่าไปท่านคนนี้คือคนสำคัญในการฟื้นฟูฝ่ายขวาของเมืองไทยเลยนะคะ
เวียนมาถึงวันนี้ทีไรเห็นฉลองกันยิ่งใหญ่กันไปทั้งบ้านทั้งเมือง ซึ่งลูก ๆ หลาน ๆ ไม่มีทางได้สัมผัสหรอกค่ะ นั่นมันยุคฝ่ายนิยมซ้ายเฟื่องฟู ก่อนปี 2500 สมัยนั้นเค้าจะเชิดชูวันที่ 24 มิถุนายน อย่างเอิกเริก อวยกันไส้แตก ยกระดับสถาปนาให้ความสำคัญถึงขั้นให้เป็นวันชาติ The National Day กันซะเลยก็เคยทำกันมาแล้ว แต่ดูวันนี้ในช่วงปีหลัง ๆ ที่ผ่านมาสิคะ แม้แต่หมุดทองเหลืองของคณะราษฎรซึ่งถือเปน symbol สำคัญหนึ่งของฝ่ายซ้ายที่เคยปักไว้เป็นที่ระลึกตรงจุดที่หัวหน้าผู้ก่อการเคยยืนอ่านประกาศปฏิวัติรัชกาลที่ 7 ตรงลานพระบรมรูปทรงม้าก็ยังหายไปได้เฉย ๆ เล่นเอาคนแก่นิยมซ้ายวัยรุ่นแรกแย้มฝาโลงปวดใจไปตาม ๆ กัน กับสิ่งที่เกิดขึ้นไหมล่ะคะ
จะว่าไปในปีนี้ก็ล่วงเข้าพุทธศักราช 2560 กันแล้ว นับ ๆ ดูก็ครบ 85 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยของประเทศเรากันแล้วนะคะ ถ้าเป็นประเทศศิวิไรซ์ในยุโรปหรืออเมริกาที่เค้าบ้าประชาธิปไตย คงมีงานจุดพลุเฉลิมฉลองกันใหญ่โต เว่อวังอลังการงานสร้างไปแล้วค่าาาาา เเต่ปีนี้เราก็ยังคงต้องเงียบเชียบกันต่อไป ป้าเองก็ใช่ว่าจะมาขอเรียกร้องให้จัดงานรำลึกอะไรนะคะ แค่ลองบวกลบเลขฝึกสมองเฉย ๆ กลัวอัลไซเมอร์จะถามหาอ่ะค่ะ
เอ…..เเต่ป้าจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าซัก 4-5 ปีก่อนตอนครบรอบ 80 ปี ก็เห็นมีเเต่ช่อง Thai PBS นะคะ ที่ออกมาทำสารคดีเป็นที่ระลึกให้กับวันแสนเก๋นี้ของปวงชนชาวไทย และน่าจะเป็นสื่อหลักสื่อเดียวของไทยในเวลานั้นที่กล้าได้โล่ออกมา Remind ฟื้นความทรงจำในวันเก่าก่อนนี้
งานดีๆของไทยพีบีเอส
ปีนี้ ป้าก็อยากเห็น ททบ.5 ลองผลิตรายการที่มีเนื้อหาสาระอะไรประมาณนี้ดูบ้างอ่ะคะ เผื่อจะเข้าตากรรมการโทรทัศน์ทองคำเค้าบ้างอ่ะค่ะ
แน่นอนว่าตลอด 85 ปี ที่ผ่านมา หนทางต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยบ้านเรานั้นมันไม่ได้ง่ายเลย เราผ่านวิกฤตการณ์การเมืองกันมาแล้วตั้งหลายครั้ง เอาจริง ๆ ตอนนี้มันก็ยังวิกฤตอยู่นะคะ ว่ามะ? ไทยเราเองผ่านร้อนผ่านหนาวจากประเทศที่ขึ้นชื่อว่ายากจน มาสู่ประเทศกำลังพัฒนาและยังคอนทินูว์ เป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ปานกลางและมีระดับสูงขึ้นอีกหน่อย (แหม่ยกระดับขึ้นมาอีกนิดนึง)
ซึ่งในช่วงเวลานี้ ป้าเป็นหลายคนยังคงบ่นกันอยู่นะคะ ว่าทำไมประเทศเราเนี้ยถึงยังไม่พัฒนาเสียที ป้านี่อยากจะเดินเข้าไปเถียงทันที ใครว่าเราไม่พัฒนากันล่ะคะ เราแค่พัฒนาแบบต๊ะต่อนยอนอ่ะค่ะ รู้จักไหม คือมันมูฟแบบช้ามาก ๆ มัวแต่รำกันอยู่ จนญี่ปุ่นเค้าไปโลกอนาคต เกาหลีใต้เนี้ยก็เเซงเราไปแล้ว ไหนจะสิงคโปร์อีก เราก็ยังคงร่ายรำดมฝุ่นเขากันอยู่
ก็จะให้ทำไงได้ล่ะคะ ก็มันยังไม่จบเพลงอ่ะค่ะ!!!
แน่นอนว่าเมื่อมีคำถามนี้เกิดขึ้น หลายคนก็โยนความผิดไปที่ระบอบระชาธิปไตย ว่านี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้ชาติเราไม่เจริญ บลาๆ
หลายคนโหยหาความเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อยากให้กลับมาใช้ระบอบเดิม แหม่ ๆ ลูก ๆ ค่ะ ใจเย็น ๆ นะคะ ล้มล้างระบอบการปกครองเนี้ยมันขัดรัฐธรรมนูญนะคะ อย่าได้คิด จะต้องข้อหาอาญากบฎเลยนะคะ ป้าขอเตือน
เท่านั้นยังไม่พอ หลายคนก็มาโทษนักการเมือง เชื่อตามวาทกรรมว่านักการเมืองมันก็มีแต่ชั่วช้าซึ่งมันก็จริงนี่คะ ป้าก็เชื่อแบบนั้นแหละค่ะ นักการเมืองชั่วมันยั้วเยี้ยะเต็มเมืองไปหมด เเต่ เอ๊ะ! หรือบางทีเราควรย้อนถามตัวเองกันคะ ว่าเราเองก็มีส่วนขัดขวางความเจริญของชาติด้วยเหมือนกันมั้ย เคยผ่าไฟแดงมั้ย เคยเดินข้ามถนนที่ไม่ใช่ทางม้าลายกันมั้ย เคยเลี่ยงภาษีมั้ย เคยสนับสนุนให้เกิดรัฐประหารมั้ย อุ้ยยยย!!! ไม่พูดดีกว่าอันนี้ขอข้าม นี่ยังไม่รวมพวกคนชั่วในคราบคนดีในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นวงการพระสงฆ์องค์เจ้าอมเงินบริจาค มีให้เห็นตั้งแต่เณรคำยันธรรมชโย ไม่พอป้าก็ยังเห็น NGOs นี่ก็รับเงินต่างชาติมาขัดขวางความเจริญของรัฐไทยแช่แข็งโครงการใหญ่ของรัฐบาลไม่ให้เดินหน้าต่อไปได้ อะไรเทือก ๆ นี้อ่ะค่ะ คนดีทั้งน้านนน…
แหม แค่อ้างตัวว่าเป็น “คนดี” กันพร่ำเพื่อไงค่ะ คนดี ๆ ที่ไหนเค้าทำกันแบบนี้ เห็นไหมล่ะคะลูก ๆ ใครว่าจะมีแค่นักการเมืองกันล่ะคะที่มัน “ชั่ว”
ป้ามีสถิตินึงที่น่าสนใจมาเหลาให้นู๋ ๆ ทราบกันไว้นะคะว่า ประชาธิปไตยแบบไทย ๆ เรา ตลอด 85 ปีที่ผ่านมานั้น ใช้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้สิ้นเปลืองถึง 29 ท่าน และคนล่าสุดนี่ชื่อ “พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา” หรือ “ลุงตู่” ของพวกเรานะคะท่านเป็นนายกลำดับที่ 29 จำกันไว้ให้ขึ้นใจเผื่อใครถามจะได้ยืดอกตอบได้
และก็เป็นนายกจากสายทหารนั่นแหละค่ะที่ก้าวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ถึง 13 ท่าน นี่ประชาธิปไตยกันจริงป่าวคะ ทำไม ท.ทหาร เยอะขนาดนี้ ซึ่งถ้าการรัฐประหารนั้นเท่ากับการเอาคนดีขึ้นมาปกครองบ้านเมือง เเสดงว่าพลเมืองไทยที่อยู่กันวันนี้มันโครตห่วยบรมเลยนะคะว่ามั้ยคะลูก ๆ นี่คนไทยเราไร้แล้วซึ่งศักยภาพกันขนาดนี้เลยเหรอค่ะ ขนาดมีคนดีและคณะถึง 13 ทีม สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาบริหารบ้านเมือง ประเทศเรายังห่างไกลคำว่า “เจริญแล้ว” กันอยู่อีกหลายขุม ป้าว่าปัญหาน่าจะอยู่ที่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเรารึเปล่าน้า ช่วยป้าคิดหน่อยสิค่ะ
แต่ก็เอาเถอะค่ะ นาทีนี้สิ่งที่เราควรตระหนักให้จงดี ไม่ใช่จำนวนปีที่เรามีประชาธิปไตยมากี่ปีแล้ว เพราะสิ่งที่มันน่าคิดมากกว่าคือการควานหาต้นตอของปัญหาของระบอบการปกครองบ้านเราเนี่ย มันอยู่ตรงไหนกันแน่
คนไทยยังไม่พร้อมมีประชาธิปไตยกันจริงหรือ?
ที่บ้านเมืองเราเดินช้าขนาดนี้เพราะนักการเมืองชั่วจริงหรือ?
ในเมื่อสิ่งต่าง ๆ ล้วนเกิดขึ้นแล้ว เราย้อนกลับไปแก้อดีตไม่ได้ เช่นเดียวกับการไปตามหาหมุดคณะราษฎรที่หายไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา หรือแม้แต่เราจะอยากลืมเรื่องปฏิวัติสยาม เราก็อย่าดัดจริตไปพยายามทำมันเลยค่ะ เพราะที่ต้องทนทุกข์กันอยู่แบบนี้ก็ล้วนเกิดจากการไม่ยอมรับความจริงกันทั้งนั้นแหละค่ะป้าบอกไว้เลย
นาทีนี้ประเทศต้องเดินหน้าสิคะ จะแช่แข็งอะไรกันนาน ออกตามหาประชาธิปไตยที่แท้จริงของเราให้เจอกันได้แล้ว ไม่ใช่จะมาอยู่ในวังวนข้ออ้างประชาธิปไตยแบบไทย ๆ กันไหมล่ะคะ และขอแนะนำอีกนิดว่าอย่าได้เผลอถอยลงคลองไปมากว่านี้เลยนะคะ เพราะคงไม่มีใครเค้าเอากับเราด้วยหรอกค่ะ พวกฝรั่งดั้งขอในโลกเสรีเค้าคงไม่คบค้าสมาคมกับคนไม่อินกับประชาธิปไตยหรอกนะคะ เรื่องนี้คนที่เจ็บจี๊ดหน้าชาที่สุดเวลาเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศคงหนีไม่พ้นรองนายกสมคิดและดรีมทีมเศรษฐกิจนะคะว่าเวลาพี่ยุ่นกับฝรั่งเค้าถามว่าเราจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยเมื่อไหร่ นี่มันน้ำท่วมปากใบ้กินกันขนาดไหน ไม่รู้จะตอบกันยังไงเลยนะคะ เฮ่อ!!! เข็นเศรษฐกิจไทยช่วงนี้หืดขึ้นคอ มันก็เหนื่อยนะคะ ดั๊นรู้ ดั๊นเห็น ดั๊นเข้าใจ!!! ว่าบรรยากาศประชาธิปไตยแบบเต็มใบมันเอื้อต่อการลงทุนในบ้านเรากว่านี้ใช่ไหมล่ะคะ ท่านรองสมคิดขาาาาาา
สู้ๆนะคะ ลุงสมคิดขาาาา
นี่แค่ตอนแรกเองนะคะ เอาเป็นว่าตอนต่อไป ลูก ๆ จะพลาดกันไม่ได้นะคะ เพราะป้าจะมาฝอยให้ฟังว่าตลอด 85 ปีที่ผ่านมา นายกทั้ง 29 คนของเรา เเต่ละคนชื่อเรียงเสียงไร เรียนจบจากไหนกันมาบ้าง บลา บลา บลา วันนี้ขอลาไปตามหา”หมุดคณะราษฎรแถวเซียงกงก่อนนะคะ….
สวัสดีค่ะ
Thanks, great article.