ฮัลโหล่ ลูกกกกกก
ป้ายังไม่ตาย ป้ายังอยู่ค่า แหม ไม่ได้ไปไหนไกล หนีไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกตามเคยนั่นเองค่ะ จำคราวก่อนได้มั้ยคะ ที่ป้าไปฮอกไกโด กลับมาคราวนั้นก็มาเขียนเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะที่นั่นเป็นแหล่งผลิตถ่านหินขึ้นชื่อของญี่ปุ่นเค้า จะไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเลยมันก็น่าแปลก ที่ป้าได้เขียนบอกบุญไปคราวนั้น ก็หวังจะให้เหล่าเอ็นจีโอบ้านเราได้บินไปเปิดหูเปิดตาดูเสียบ้าง ว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินมันอยู่คู่กับการท่องเที่ยวได้นั่นเองค่ะ ไม่รู้ว่าจะมีใครบินไปเที่ยวหรือยังน้า….. หรือเก็บเงินผ่อนเงินกู้ กยศ. กันอยู่คะ เพราะเห็นทีรัฐบาลจะเอาจริงแล้ววววว อิอิ
อ่านเรื่องเดิม คลิก
นั่นแหละค่ะ คราวก่อนป้าบินไปเหนือสุด อากาศก็หนาวสุดขั้วหัวใจ คราวนี้ป้าเลือกไปเที่ยวโอกินาว่าค่ะ เมืองที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น จริง ๆ มันใกล้ไต้หวันมากกว่าญี่ปุ่นอีกนะคะ โอกินาว่าเนี้ยถ้าใครรู้ประวัติศาสตร์สงครามโลกก็จะรู้ดีว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ทั้งเป็นอาณาจักรโบราณที่สำคัญในสมัยอยุธยาบ้านเราด้วยนะคะ แต่ป้าไม่ได้จะมารีวิวการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อะไรทั้งนั้น เพราะวันนี้ป้าจะมาพูดเรื่องเดิม ๆ คือ เรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินนั่นเอง
เรื่องนี้ มันยังกะเดจาวู คราวก่อนที่ไปฮอกไกโด ก็สงสัยว่าไอ้ปล่องสูง ๆ กลางเมืองคืออะไร คราวนี้ก็เช่นเดียวค่า เสริชปุ๊ปเจอปั๊ป มันคือ โรไฟฟ้าถ่านหินนั่นเอง อ้าวววว แล้วมันมาตั้งกลางเมืองได้ไงค่ะ คนญี่ปุ่นเค้าไม่ประท้วงกันเหรอ ไม่กลัวมะเร็งกันเหรอคะ??? แหม ลูกขา เขาก็คงมีระบบการจัดการที่ดี นั่นแหละค่า
เพราะทุก ๆ เรื่องมันไม่ได้เลวร้ายแบบที่กรีนพีชบอกเรา หรือแย่ยังกะนรกแบบที่เอ็นจีโอไทยบ่นกรอกหูนั่นเอง
คืองี้ค่ะ พอป้าเสริชดูปุ๊ป สิ่งแรกที่ป้าเจอ คือ มีโรงไฟฟ้าถ่านหินอยู่ 2 ที่ค่ะ และทั้งสองที่ก็ใช้ถ่านหิน Bituminous เป็นเชื้อเพลิงนั่นเอง บิทูมินัส ก็เป็นเกรดของถ่านหินนั่นแหละค่า บ้านเราก็ใช้ลิกไนท์ ซึ่งถูกกว่า แต่การสันดาปก็จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า (เจ้าตัวนี้คือสิ่งที่ทั่วโลกพยายามลดไงคะ) กำลังการผลิตรวมทั้งสองที่แล้วก็ 700 กว่าเมกะวัตต์ เอ๊ะ ถามว่ามันสำคัญยังไง? ทำไมป้าถึงต้องมาแจกแจงให้ฟัง!!! ก็มันเหมือนกับแผนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ไงค่ะ ที่จะสร้างแต่ไม่ได้สร้าง เพราะเอ็นจีโอปั่นกระแสว่าเป็นโรงงานนรกไงคะ !!!
ความเหมือนที่ว่าคือ เริ่มจากเกาะโอกินาว่าเลยค่ะ ที่นี่อยู่ใต้สุด หน้าร้อนก็ร้อนแบบภาคใต้บ้านเราเลยค่ะ ทะเลสวย น้ำใส ทรายสะอาด มีทั้งกล้วย ชมพู่ ละมุด มะพร้าว ดอกชบา กระถิน ยันสาหร่ายพวงองุ่นที่ขึ้นชื่อแบบที่กระบี่เลยค่า คือ ทั้งพืชพรรณและสภาพภูมิอากาศไม่ต่างกันเลย เป็นภาคใต้เวอร์ชั่นที่เจริญแล้ว เจริญที่ว่า คือ ทั้งเศรษฐกิจและพลเมืองนะคะ! ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ที่จะสร้างก็มีแผนจะใช้พลังงานถ่านหินสะอาด โดยเลือก ซับบิทูมินัส และบิทูมินัส มาเป็นเชื้อเพลิง เช่นเดียวกันกับโรงไฟฟ้าถ่านหินที่โอกินาว่าเลย อีกทั้งกำลังการผลิตที่กระบี่ก็อยู่ที่ราว ๆ 800 เมกะวัตต์ ซึ่งมีขนาดพอ ๆ กันกับที่ญี่ปุ่น จะมาอ้างไม่ได้นะคะว่าที่ญี่ปุ่นทำแค่โรงไฟฟ้าถ่านหินเล็ก ๆ
สาหร่ายพวงองุ่น หาซื้อได้ทั่วไปนะคะ
ประเพณีก็คล้าย ๆ กัน มีการปล่อยเรือไหลเรือ เหมือนชาวเลที่ใต้เลยค่ะ
โรงไฟฟ้าถ่านหินอันนี้ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของเกาะ ติดกับโรงพยาบาลเลยนะคะ ส่วนในน้ำเราจะเห็นเเนวหินปะการังทั่วไป
ส่วนโรงไฟฟ้าอันนี้ก็ไม่แพ้กัน ตั้งปากอ่าว ติดทั้งสนามกีฬาและโรงเรียน
นี่ยังไม่รวมที่ว่าโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นตั้งติดปากอ่าว ใกล้ชุมชน ใกล้โรงเรียน ใกล้สนามกีฬา ยันใกล้โรงพยาบาลเลยนะคะ ถ้าดูจากแผนที่แล้วจะเห็นแนวปะการังที่ติดกับโรงไฟฟ้าด้วย ป้าเนี้ยคิดภาพไม่ออกเลยนะคะ ถ้าเป็นที่บ้านเรา เอ็นจีโอจะออกมาดิ้นขนาดไหน แค่ประกาศว่าจะเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้า ก็ออกมาดิ้นโกนหัวกันพลั่ก ๆ แล้ว
เฮ้อออ แล้วทีนี้ปัญหามันอยู่ที่อะไรคะ?
เราต้องหันมาตั้งคำถามกันใหม่หรือเปล่าว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินส่งผลร้ายต่อชุมชน สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมที่ญี่ปุ่นสร้างได้ แต่บ้านเราสร้างไม่ได้ ??? ในขณะที่เอ็นจีโอพูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่า
“มีโรงไฟฟ้าไฟฟ้านักท่องเที่ยวจะไม่มา”
แต่ที่โอกินาว่า มีเที่ยวบิน บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงที่นั่นทุกวัน เข้าใจคำว่าบินตรงนะคะ คงจะพอบอกได้ว่ามีคนต้องการไปมากแค่ไหน ? นักท่องเที่ยวไทยเยอะมาก เว็บไซต์ท่องเที่ยวของโอกินาว่าถึงขั้นต้องมีภาษาไทย การท่องเที่ยวโอกินาว่ามีสายด่วนภาษาไทย นี่ยังไม่รวมบริษัทรถเช่าที่ป้าไปเช่าอีกนะคะ มีพนักงานพูดภาษาไทยโดยเฉพาะ ร้านรวงต่างก็จ้างพนักงานที่พูดไทยได้ให้เราได้สอบถามข้อมูล
ดูกระทู้พันทิพ ที่รีวิวเที่ยวโอกินาว่าสิคะ เยอะขนาดไหน
เว็บไซต์การท่องเที่ยวยังต้องทำเมนูภาษาไทยเลยค่า
สายด่วนภาษาไทยยังมีเลยค่ะ ป้ายนี้ติดในรถบัสที่สนามบินนะคะ
“มีโรงไฟฟ้าใกล้ทะเลจะทำให้ทะเลอันดามันตาย”
แต่ที่โอกินาว่าตั้งโรงไฟฟ้าติดทะเล และแนวหินปะการัง หาดทรายยังขาวเหมือนเดิม ไม่มีขยะสักชิ้น แม่น้ำกลางเมืองมีสีฟ้าใสมาก ในขณะที่กระบี่ตอนนี้ไม่มีการเดินเครื่องถ่านหินมานาน แต่กลับพบว่า มีขยะเต็มหาด ธรรมชาติเสื่อมโทรมทุกปี ป่าชายเลยโดนบุกรุก ตรงยอดภูเขาเอาไปทำรีสอร์ท ปะการังก็ตาย เอ้อ
นี่ปากแม่น้ำบริเวณท่าเรืออุตสาหกรรมนะคะ
โรงไฟฟ้าที่ Uruma ตั้งอยู่กลางเกาะ ส่วนที่เเคบสุดที่หนึ่ง คือ เห็นทะเลทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก
เอ๊ะ ปัญหาคืออะไรคะ ? ป้าว่ามันไม่ได้อยู่ที่โรงไฟฟ้าถ่านหินแล้วแหละค่ะ
เหมือนนึกอะไรไม่ออก ก็โทษถ่านหิน!!! เรื่องนี้น่าจะอยู่ที่สันดานคนนะคะ ไม่ใช่ถ่านหิน มันขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบของพลเมืองมากกว่า ปัญหาเรื่องธรรมชาติโดนทำลายเนี้ยมันต้องพูดกันทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่การทำทัวร์ การจอดเรือ การจัดการขยะบลา ๆ การเพิ่มของนักท่องเที่ยวเนี้ยก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ถ้าเราไม่สามารถควบคุมและมีการจัดการที่ดีก็พังค่ะ บอกเลย !
นอกจากพลังงานจากถ่านหินแล้ว ที่โอกินาว่ายังมีโรงไฟฟ้าที่ผลิตจากการสูบน้ำทะเลมาด้วยนะคะ แน่นอนว่ากำลังการผลิตมันน้อยมาก ไม่สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอบนเกาะ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่าง ที่ทำให้เราต้องรู้จักการบาลานซ์ของพลังงาน ทำให้มันสมดุล ไม่ใช่จะไปพึ่งพาพลังงานใดพลังงานหนึ่งเพียงอย่งเดียว ไอ้ที่พล่ามบอกว่า กระบี่โกกรีน 100 % เนี้ย ถ้าอยู่ ๆ มันมีปัญหาไฟดับ ไฟกระตุก ไฟไม่เสถียรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ เอ็นจีโอที่ปากเก่งอยากได้โกกรีน 100% ก็ไม่มีปัญญารับผิดชอบหรอกค่ะ อย่าเอาแต่ความคูล ความโลกสวย ดูความเป็นจริงด้วย
ท้ายสุดนี้ ถ้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน คือ นรกของจริง แล้วคนญี่ปุ่นเนี้ยเค้าไม่กลัวตายกันหรือไงคะ ทำไมที่ญี่ปุ่นสร้างได้ แล้วทำไมที่ไทยสร้างไม่ได้ รัฐบาลญี่ปุ่นเค้าไม่รักไม่แคร์ประชาชนหรือคะ? ฝากไว้ให้คิด
..อยากให้เอ็นจีโอไทยไปเที่ยวโอกินาว่าจังเลยค่า..